Toremifene ใช้แทน Clomiphene (clomid) ได้ไหม และดีกว่าตรงไหน
- Muscle Mass
- 1 วันที่ผ่านมา
- ยาว 1 นาที
Toremifene ใช้แทน Clomiphene ได้ไหม และดีกว่าตรงไหน
หลายคนคุ้นชื่อ Clomiphene หรือ Clomid ในฐานะยาฟื้นฮอร์โมนหลังจบคอร์สสเตียรอยด์หรือ SARMs เพราะเป็นยากลุ่ม SERM ที่ช่วยให้ร่างกายกลับมาผลิตเทสโทสเตอโรนได้ตามธรรมชาติ แต่จริง ๆ แล้วในปัจจุบันมียาตัวใหม่ที่ทำหน้าที่เหมือนกันแต่ปลอดภัยกว่าและให้ผลลัพธ์ที่เสถียรกว่า นั่นคือ Toremifene (โทเรมิฟีน)
Toremifene และ Clomiphene อยู่ในกลุ่มยาชนิดเดียวกัน คือ SERM หรือ Selective Estrogen Receptor Modulator ซึ่งทำหน้าที่บล็อกตัวรับเอสโตรเจนในสมอง ส่งผลให้ร่างกายหลงคิดว่าระดับเอสโตรเจนลดลง จึงสั่งให้ต่อมใต้สมองหลั่งฮอร์โมน LH และ FSH มากขึ้น เพื่อกระตุ้นให้ลูกอัณฑะกลับมาสร้างเทสโทสเตอโรนธรรมชาติ กลไกนี้เองที่ทำให้ทั้งสองตัวถูกนำมาใช้ในช่วง PCT เพื่อช่วยฟื้นระบบฮอร์โมนหลังจบการใช้สเตียรอยด์หรือสารที่กด HPTA
แม้กลไกจะใกล้เคียงกัน แต่ผลลัพธ์และความรู้สึกระหว่างการใช้แตกต่างกันพอสมควร จุดเด่นของ Toremifene คือมีความ “เสถียร” และ “อ่อนโยนต่อร่างกาย” มากกว่า Clomiphene เพราะไม่ทำให้ระดับฮอร์โมนแกว่ง อารมณ์ซึมเศร้า หรือมีผลข้างเคียงกับสายตา ซึ่งมักพบได้จากการใช้ Clomid โดยเฉพาะเมื่อใช้ต่อเนื่องหลายสัปดาห์ ผู้ใช้จำนวนมากรายงานว่า Toremifene ทำให้รู้สึกสมดุลกว่า อารมณ์คงที่ ไม่เหนื่อยล้า และไม่ทำให้ความต้องการทางเพศลดลง
อีกจุดที่เหนือกว่าคือ Toremifene มีโอกาสเกิดภาวะ rebound estrogen ต่ำกว่า กล่าวคือเมื่อหยุดใช้แล้ว ร่างกายจะไม่เกิดการเด้งของฮอร์โมนเอสโตรเจนที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการบวมน้ำ หรือนมโตในผู้ชายหลังจบคอร์ส นอกจากนี้ Toremifene ยังมีผลทางบวกต่อระดับไขมันในเลือดและสุขภาพหัวใจมากกว่า Clomid ทำให้เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูระบบฮอร์โมนอย่างปลอดภัยในระยะยาว
ในแง่การใช้งานจริง Toremifene สามารถใช้แทน Clomiphene ได้เต็มรูปแบบ โดยทั่วไปนิยมใช้ 60 มิลลิกรัมต่อวันใน 1–2 สัปดาห์แรก แล้วลดเหลือ 30 มิลลิกรัมต่อวันในอีก 2 สัปดาห์ถัดมา ผลลัพธ์ที่ได้คือระดับเทสโทสเตอโรนจะเริ่มฟื้นภายใน 7–10 วัน อารมณ์กลับมาปกติ และลดโอกาสการเกิดผลข้างเคียงจากเอสโตรเจนได้อย่างชัดเจน
โดยสรุปแล้ว Toremifene คือรุ่นอัปเกรดของ Clomiphene ที่ทำงานได้เหมือนกันแต่มีความปลอดภัยและเสถียรกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นระบบฮอร์โมนหลังจบคอร์สอย่างมั่นใจโดยไม่ต้องกังวลเรื่องอารมณ์แปรปรวน ตาพร่า หรือผลข้างเคียงอื่น ๆ ปัจจุบันหลายประเทศรวมถึงวงการฟิตเนสและบอดี้บิลดิ้งในต่างประเทศต่างเปลี่ยนมาใช้ Toremifene แทน Clomid เพราะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าในภาพรวม


